|
วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555
เทคโนโลยีทางการเกษตร
วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555
เทคโนโลยีชีวภาพ
เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)
คือการใช้เทคนิค หรือกระบวนการต่างในการนำสิ่งมีชีวิต ชิ้นส่วนของสิ่ง มีชีวิต หรือผลิตภัณฑ์ของสิ่งมีชีวิตมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ใน ด้านต่าง ๆ ได้แก่ด้านการเกษตร ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านอุตสาหกรรมอาหาร และด้านการแพทย์ โดยเทคโนโลยีชีวภาพนี้ได้มีความเกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ใน สาขาต่าง ๆ อาทิ ชีววิทยา จุลชีววิทยา พันธุศาสตร์ เกษตรศาสตร์ แพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ เป็นต้น หากมองกันอย่างเป็นกลางแล้วจะเห็นได้ว่าบ้านเราเองมีการใช้เทคโนโลยีชีวภาพ กันมานานมากแล้ว ตั้งแต่ที่ยังไม่ได้ติดต่อกับโลกตะวันตกด้วยซ้ำไป เช่นการทำน้ำปลา การทำซีอิ้ว การหมักปลาร้า การหมักเหล้า สาโท และกระแช่ ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเทคโนโลยีชีวภาพแบบดั้งเดิมทั้งสิ้น แต่ไม่ได้มีการอธิบายให้มีความกระจ่างในแง่วิชาการหรือกระบวนการทางวิทยา ศาสตร์ให้มีความเข้าใจกันก็เท่านั้น
วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555
ขอชวนเชิญเพื่อนมาแสดงความคิดเห็นด้วยนะค่ะ
เทคโนโลยีทางการเกษตรยุคใหม่
ความภูมิใจของคนไทย
บริษัท ศูนย์เกษตรกรรมบางไทร จำกัด
ได้ทำการศึกษาค้นคว้า และพัฒนาการปลูกพืชแผนใหม่โดยไม่ใช้ดิน
จนประสบความสำเร็จ และเป็นที่ยอมรับ ได้รับความไว้วางใจจากหลายหน่วยงาน
รวมถึง องค์กรผู้บริโภคทั่วไป โดยมีข้อแตกต่าง จากระบบการปลูก
ของต่างประเทศดังนี้ ความภูมิใจของคนไทย
1. | สามารถปลูกพืชที่เหมาะสมกับอุปนิสัยการ บริโภคของคนไทย เช่น คะน้า ผักกาดขาว กวางตุ้ง ปวยเล้ง ผักโขม ผักรับประทานใบทุกชนิด และสามารถปลูกผักสลัดพันธุ์ต่างประเทศที่นิยมปลูก ในระบบไร้ดินได้ผลผลิตสูง การดูและรักษาทำได้โดยง่าย |
2. | อายุการปลูกสั้น ใช้เวลาเพียง 20 – 30 วัน เท่านั้น |
3. | ไม่ต้องถ่ายปุ๋ยทิ้งระหว่างการปลูก ทำให้ประหยัดต้นทุน และเวลา |
4. | สามารถปลูกเป็นงานอดิเรก หรือปลูกในเชิงพาณิชย์ได้ดี |
5. | เป็นระบบปลูกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้สารพิษกำจัดแมลง 100% |
6. | วัสดุอุปกรณ์ ธาตุอาหาร ทั้งหมดผลิตขึ้นภายในประเทศ มีอายุการใช้งานยาวนาน |
แหล่งที่มาของเชื้อจุลินทรีย์
1.หน้าดินดีจากป่า (จากแหล่งที่อยู่ใกล้พื้นที่)
2.ดินจากโคนจอมปลวกที่มีความร่วนซุย
3.ดินเศษซากพืชตามโคนไม้ใหญ่ที่ไม่เคยใช้สารเคมี เช่น ดินโคนต้นจามจุรีหรือดินบริเวณกอไผ่ สังเกตบริเวณมีไส้เดือนอาศัย
2.ดินจากโคนจอมปลวกที่มีความร่วนซุย
3.ดินเศษซากพืชตามโคนไม้ใหญ่ที่ไม่เคยใช้สารเคมี เช่น ดินโคนต้นจามจุรีหรือดินบริเวณกอไผ่ สังเกตบริเวณมีไส้เดือนอาศัย
การเก็บเชื้อจุลินทรีย์จากป่า (เรียกว่าหัวเชื้อดินดีจากป่า)
นำเชื้อดินดีจากป่าบริเวณโคนต้นไม้ใหญ่ในป่า
ที่มีเศษใบไม้ทับถมและมีความชื้นมีลักษณะยุ่ยสลายกลายเป็นดินแล้ว
มีความอ่อนนุ่ม มีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นเห็ด
ประมาณ 1- 2 กก.
การเพาะเลี้ยงขยายหัวเชื้อจุลินทรีย์แบบแห้ง
ใบไม้ต่างๆ ,น้ำ ,กากน้ำตาล ,รำละเอียด ดินจากป่าสมบูรณ์ เลี้ยงไว้ในร่มไม้ไม่มีแดด
1.หัวเชื้อดินดีจากป่า1ส่วน(1กก.)
2.รำละเอียด1ส่วน (1 กก.)
3.เศษใบไม้แห้งละเอียด แกลบดิบ หรือใบไผ่แห้ง 1.กระสอบ (5 กก.)
4.กากน้ำตาล(โมลาส)250 ซีซี. ผสมน้ำเปล่า 5 ลิตร
วิธีทำ
1.นำวัสดุคลุกเคล้าให้เข้ากันรดน้ำพอหมาด
2.ใช้กระสอบห่อบ่มไว้ในที่ร่มประมาณ7วัน
3.นำไปทำจุลินทรีย์น้ำ หรือ เก็บไว้สำหรับเป็นหัวเชื้อในการขยายเชื้อครั้งต่อไป
4.เก็บรักษาในที่ร่มอุณหภูมิปกติ
ประมาณ 1- 2 กก.
การเพาะเลี้ยงขยายหัวเชื้อจุลินทรีย์แบบแห้ง
ใบไม้ต่างๆ ,น้ำ ,กากน้ำตาล ,รำละเอียด ดินจากป่าสมบูรณ์ เลี้ยงไว้ในร่มไม้ไม่มีแดด
1.หัวเชื้อดินดีจากป่า1ส่วน(1กก.)
2.รำละเอียด1ส่วน (1 กก.)
3.เศษใบไม้แห้งละเอียด แกลบดิบ หรือใบไผ่แห้ง 1.กระสอบ (5 กก.)
4.กากน้ำตาล(โมลาส)250 ซีซี. ผสมน้ำเปล่า 5 ลิตร
วิธีทำ
1.นำวัสดุคลุกเคล้าให้เข้ากันรดน้ำพอหมาด
2.ใช้กระสอบห่อบ่มไว้ในที่ร่มประมาณ7วัน
3.นำไปทำจุลินทรีย์น้ำ หรือ เก็บไว้สำหรับเป็นหัวเชื้อในการขยายเชื้อครั้งต่อไป
4.เก็บรักษาในที่ร่มอุณหภูมิปกติ
นำน้ำ 200 ลิตร ,โมลาส 10 กก.(ถ้าไม่มีก็ใช้ปลายข้าวต้ม 10 กก.ใส่แทนกากน้ำตาลได้) ละลายให้เข้ากันในถังที่มีฝาปิด เอาจุลินทรีย์ที่เก็บมาจากป่า หรือจุลินทรีย์ที่เพาะเลี้ยงแบบแห้งใส่ลงไปในน้ำที่เตรียมไว้ ข้างบนโรยด้วย รำละเอียดให้ทั่วปากถัง 200 ลิตร ปิดฝาทิ้งไว้ 7-15 วัน ถ้าจุลินทรีย์ที่เก็บมามีความเข็งแรงก็จะเจริญขยายอย่างรวดเร็ว 1-2 วันก็จะเกิดเป็นฝ้าขาวบนผิวน้ำ คือ การขยายตัวของจุลินทรีย์ และ จมลงก็สามารถนำน้ำที่ได้ไปใช้ตามต้องการในการทำการเกษตร
ละลายกากน้ำตาล ใส่เชื้อจุลินทรีย์แห้ง
เติมรำ คนให้เข้ากันแล้วปิดฝา
ผลการวิเคราะห์เชื้อจุลินทรีย์ที่ได้จากดินป่านำขยายในใบไผ่
1. เชื้อรา 5 ไอโซเลท
แยกเป็น ไตรโคเดอร์มา 2 ไอโซเลท
ไรโซปัส 2 ไอโซเลท
แอสเปอร์จิลรัส 1 ไอโซเลท
2. ยีสต์ 9 ไอโซเลท
แยกเป็น แซคคาโรไมสีตส์ 4 ไอโซเลท
ไม่สามารถจำแนกชนิดได้ 5 ไอโซเลท
3.แบคทีเรีย 5 ไอโซเลท
แยกเป็น บาซิลัส 4 ไอโซเลท
ไม่สามารถจำแนกชนิดได้ 1 ไอโซเลท
ไตรโครเดอร์มา บาซิลัส
ไรโซปัส ยีสต์
สรุปผลการวิเคราะห์
1.มีไตรโคเดอร์มาหลายสายพันธุ์
2.มีเชื้อราและยีสต์หลายชนิดที่ทนต่อสภาพแวดล้อมสูงและมีความสามารถในการสร้างเอมไซม์ต่างๆได้
3.มีแบคทีเรียบาซิรัสและยีสต์หลายชนิดที่สามารถสร้างสารยับยั้งเชื้อราและแบคทีเรียโรคพืชได้
4.หากนำจุลินทรีย์ใบไผ่นี้ไปใช้ในแปลงเพาะปลูกพืชจะเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อการ ปลูกพืชของเกษตรกรไม่ว่าจะเป็นการลดปัญหาด้านโรคพืชและการเพิ่มการเจริญเติบ โต
1.1การนำไปใช้เร่งการย่อยสลายฟาง ฟางเป็นปุ๋ยในแปลงนาที่เราไม่ต้องซื้อหาจากภายนอก การหมักฟางช่วยเร่งให้ดินฟื้นตัวเร็วขึ้น และเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้กับแปลงนา
วิธีการคือ นำหัวเชื้อจุลินทรีย์น้ำ 5 ลิตรใช้ต่อ 1 ไร่ ใส่ลงในถังที่จะนำไปฉีดพ่นในแปลงนาขนาดบรรจุ 150 ลิตร เติมน้ำลงไป 100 ลิตร
พร้อมกับเติมกากน้ำตาล 5 กก. คนให้ หัวเชื้อจุลินทรีย์ น้ำเปล่า และกากน้ำตาล ในถังให้เข้ากัน นำไปฉีดหรือสาดให้ทั่วแปลงนา หรือใส่ขณะย่ำฟางและตอซังข้าวในแปลงนาให้จมลงไปในน้ำและดินในแปลงนา จุลินทรีย์จะไปช่วยย่อยสลายตอซังและฟางข้าวให้กลายเป็นปุ๋ยในแปลงนาได้ดี
หมักทิ้งไว้ 7-10 วัน ก็สามารถลูปทำเทือกหว่านข้าวได้
1.2การนำไปทำหัวเชื้อหมักปุ๋ยน้ำชีวภาพจากพืชผักสีเขียวและน้ำหมักผลไม้ (น้ำหมักชีวภาพ)
น้ำหมักจุลินทรีย์ผักผลไม้
วัตถุดิบ, วัสดุ/อุปกรณ์
1.สับปะรด 1 กก.มะละกอ 1 กก.
กล้วย1กก. พืชผักสีเขียวต่างๆ 3 กก.
2.น้ำหัวเชื้อจุลินทรีย์ 2 ลิตร
3..น้ำเปล่า 10 ลิตร
4..ปลายข้าวสุกหรือน้ำตาล
ทรายแดง 2 กก.
5.ถังหรือโอ่งน้ำที่มีฝาปิดเพื่อใช้ในการหมัก
6.ผ้าขาวหรือกระดาษขาวเพื่อปิดปากถังหรือโอ่งก่อนใช้ฝาปิดป้องกันสิ่งแปลกปลอมตกลงถังหมัก
วิธีทำ
นำสับปะรดสุก,มะละกอสุกกล้วยสุกและพืชผักสีเขียวต่างๆ3กก.มาสับหรือปั่นให้ เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ ใส่น้ำหัวเชื้อจุลินทรีย์ ปลายข้าวสุกหรือน้ำตาลทรายแดง ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝาภาชนะหมักให้สนิท หมักทิ้งไว้ 10-15 วัน จากนั้นเติมน้ำสะอาดคนให้ทั่วหมักไว้อีก 5- 7 วัน
นำไปใช้ได้ หรือกรองเอาเฉพาะน้ำใส่ขวดเก็บไว้ในที่เย็นอากาศถ่ายเทสะดวกใช้ได้นาน ส่วนกากนำไปใส่แปลงผักช่วยปรับปรุงสภาพดินได้ดี
ประโยชน์
1.ให้ธาตุอาหารแก่พืชผักสูงโดยเฉพาะธาตุไนโตรเจน
2.ฉีดพ่นอัตราส่วน 2-3 ช้อนแกง/น้ำ 1ลิตร ช่วยเร่งราก เร่งใบ
ช่วยให้การเจริญเติบโตของพืชผักดี
1.3การนำไปใช้เป็นหัวเชื้อทำฮอร์โมนจากสัตว์ สูตรต่างๆ
ฮอร์โมนรวม ได้แก่ ปลา กุ้ง หอย 30 กก. จุลินทรีย์ 1 ลิตร กากน้ำตาล 10 ลิตร
ฮอร์โมนรกวัว ได้แก่ รกวัว 4 กก. ไข่หอย 4 กก. กากน้ำตาล 5 กก.
ฮอร์โมนไข่ ได้แก่ไข่ไก่ 100 ฟอง,เชื้อจุลินทรีย์ 1 ลิตร,น้ำเปล่า 5ลิตร กากน้ำตาล 1กก.
ฮอร์โมนปลา ได้แก่ เศษปลา 3 กก. น้ำมะพร้าว 10 กก. กากน้ำตาล ? กก. จุลินทรีย์ 100 ซีซี.
ทุกสูตร หมักไว้ 1 เดือนแล้วกรองเอาน้ำไปใช้ได้ดี
1.4 นำไปใช้เป็นหัวเชื้อทำปุ๋ยหมักชีวภาพ แบบแห้ง สูตรต่างๆคือ
สูตร1 . เศษพืชสับเป็นท่อนๆ 1ปี๊บ เช่นพืชตระกูลถั่ว แค ขี้เหล็ก จามจุร ีสาบเสือ มันสำปะหลัง ฯลฯ แกลบดิบ หรือละอองข้าว 1 ปี๊บ ฟิลเตอร์เค้ก(กากตะกอนอ้อย) 5 ปี๊บ หัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ขยายแล้ว 1 ลิตร น้ำสะอาด+กากน้ำตาล ( 1 : 20 ) รำละเอียด 1 ปี๊บ
วิธีทำ นำทุกอย่างผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน ความชื้น 40 % กองคลุมด้วยกระสอบหรือผ้า หมักไว้ 2-3 วันก็นำไปใส่ แปลงผัก แปลงนาข้าวได้ผลดีมาก แปลงนาข้าวได้ผลดีมาก
สูตร 2. ละอองข้าว 5 ถุง, มูลไก่ไข่ 4 ถุง, กากน้ำตาล 200 ซีซี,
จุลินทรีย์ 200 ซีซี, รำละเอียด15กก.ทุกอย่างผสมรวมกันหมักไว้ 7 วัน นำไปใช้ได้
หมายเหตุ
การนำเชื้อจุลินทรีย์จากป่าไปใช้ต้องเข้าใจด้วยว่า สภาพพื้นที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้จุลินทรีย์เติบโตแข็งแรงและทำงานให้แก่เรา ได้ตามวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ
เพราะว่า จุลินทรีย์ที่เรานำมาจากป่า ก็ต้องการที่อยู่อาศัย ต้องการอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ต้องการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการขยายพันธุ์ ได้ทำงานในบทบาทหน้าที่ตามที่ถนัด มีสังคมเพราะจุลินทรีย์คือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กก็มีการอยู่ร่วมกันมีกระบวน การทำงานร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่น เพื่อก่อเกิดการฟื้นฟูสภาพดินให้ได้รวดเร็วมากขึ้น เกษตรกรต้องให้ความสำคัญต่อปัจจัยต่างๆเหล่านี้ เพื่อให้การปรับปรุงบำรุงดินโดยการใช้จุลินทรีย์ช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)